ออกศึก13นัดไชโย12นัด! เปิดเส้นทางการคว้าจตุรแชมป์ของลิเวอร์พูล
ย้อนเวลากลับไปในช่วงกลางเดือนม.ค.นัดเปิดบ้านสยบ เบรนท์ฟอร์ด 3-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก
นับจากจุดนั้น มันเป็นบทเริ่มต้นนับหนึ่งการผจญภัยต่อการประกาศศักดาจ่อคว้าแชมป์สี่รายการในซีซั่นนี้ของ หงส์แดงแรงฤทธิ์
ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา แม้มันจะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และต้องเผชิญกับบททดสอบมากมาย แต่ยักษ์ใหญ่จากเมอร์ซีย์ไซด์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน
ในห้วงเวลานั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องปล่อยนักเตะอย่าง อลิสซง , ฟาบินโญ่ และ ทาคูมิ มินามิโนะ กลับไปรับใช้ชาติ รวมถึงสตาร์ดังอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน่ และ นาบี้ เกอิต้า ที่ติดทีมชาติในรายการ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์
อย่างไรก็ดี หากจะยึดจากช่วงหลังพ้นเกมทีมชาติหนก่อนเมื่อเดือนก.พ.เป็นจุดเริ่มต้น ก็เท่ากับว่า ลิเวอร์พูล ลงเล่นไปแล้วทั้งสิ้น 13 นัดในเวลา 43 วันเท่านั้นนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.ที่พวกเขาบู๊กับ คาร์ดิฟฟ์ ในถ้วยน็อคเอาท์ เรื่อยมาจนถึงนัดบุกไปเอาชนะทีม เจ้าป่า ในรายการเดียวกันของรอบแปดทีมวันที่ 20 มี.ค.
เท่ากับว่ากุนซือชาวเยอรมันคุมทีมลงสนามอย่างถี่ยิบแทบจะทุกๆ 3.3 วันเลยทีเดียว
- โรเตชั่น
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ ลิเวอร์พูล จะใช้งานทีมชุดเดิมตลอดทุกนัดในเมื่อต้องลงเล่นอย่างต่อเนื่องทั้งสี่รายการ
โดยรวมแล้วจาก 13 เกมหลัง ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันเปลี่ยนนักเตะลงเล่นไปทั้งสิ้น 63 ครั้ง และสามารถคว้าผลลัพธ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
"บอกตามตรง มันไม่เป็นปัญหาใหญ่เลยสำหรับการมองหาไลน์อัพที่เหมาะสม" คล็อปป์ ระบุหลังจบเกมก่อนหน้านี้ในลีกที่บุกไปย้ำแค้น อาร์เซน่อล ได้ 2-0
"มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และขุมกำลังที่เรามีอยู่ว่าใครสมควรได้เล่นกี่นาที"
"ปกติแล้วในหลายปีก่อนหน้านี้ เราจะมีตัวรุกอย่าง ซาดิโอ และ โม ลงเล่นตลอดเวลา หรือไม่ก็ บ๊อบบี้ และ ดิว็อค"
"บางทีด้วยเหตุผลที่เรามีนักเตะไม่มากพอ มันจึงอาจทำให้เรามีลุ้นคว้าแชมป์ไม่เกินสองรายการ"
- กองหลังอย่างหนา
จากสถิติที่ปรากฏ เห็นกันได้อย่างชัดเจนว่าแผงหลังคือปัจจัยสำคัญต่อการคว้าชัยชนะเป็นว่าเล่นของ เร้ด แมชีน
อย่างไรเสีย ลิเวอร์พูล เสียไปแค่ 4 ประตูจาก 13 นัดหลัง และมีคลีนชีต 8 นัด รวมถึงนัดชิงถ้วย คาราบาวคัพ ที่ต้องขับเคี่ยวกับ เชลซี นานถึง 120 นาทีด้วย
ฉะนั้นแล้ว มันจึงชัดเจนว่าเกมรับของ หงส์แดง มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อโอกาสสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการลูกหนังอังกฤษ
"เราต้องปรับกลยุทธ์ บอกตามตรงเลยว่านับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.เราเห็นตรงกันว่าต้องให้ความสำคัญกับเกมรับเป็นอันดับแรก" คล็อปป์ เอ่ยหลังเกมพิชิต ปืนใหญ่ เช่นกัน
"วันนี้เราชนะ 2-0 แต่เรามีเกมที่ชนะ 1-0 และเราไม่มีทางชนะแน่หากเราไม่อาจเล่นเกมรับได้ดี"
- โชคชะตาก็มีส่วน
ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งสิ้นที่สาวก เดอะ ค็อป พากันโวยแหลกต่อจังหวะที่ โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารทีม ไบรท์ตัน ไม่โดนไล่ออกทั้งๆที่ถลันออกมาปะทะ ดิอาซ ที่พุ่งโขกบอลตุงตาข่ายล้มในกรอบเขตโทษ
ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมเหตุการณ์อีกหลากหลายที่โชคเป็นใจให้กับ หงส์แดง อย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่เพียงเท่านั้น เกมชนะ เวสต์แฮม 1-0 อลิสซง ก็ต้องเซฟ หงส์แดง มากถึงสี่ครั้งด้วยกัน
"เรารู้ว่าเรามีโชคบ้างในบางจังหวะ แต่เราเล่นเกมรับได้ดีเช่นกัน" คล็อปป์ เอ่ยหลังเกมบู๊กับ ขุนค้อน
"วันนี้เราเล่นได้ไม่ไหลรื่นเท่าไหร่ แต่เราสู้เต็มที่ และนักเตะของเราทำได้ดี"
ถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล ได้พักแข้งพักขากันอีกรอบเป็นเวลา 12 วันก่อนเฝ้า แอนฟิลด์ ห้ำหั่นกับ แตนอาละวาด ในวันที่ 2 เม.ย.แต่เป็นเรื่องหนีไม่พ้นที่ คล็อปป์ ต้องเสียลูกทีมให้กับทีมชาติไปทั้งสิ้น 15 ชีวิต
อันหมายความว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น เราก็จะได้รู้กันแล้วว่า ลิเวอร์พูล ที่แกร่งทั่วแผ่นชุดนี้จะจบซีซั่นนี้ด้วยการได้แชมป์เดียว , สองแชมป์, สามแชมป์ หรือว่าสี่แชมป์!!!!
- สรุปผลงาน 13 นัดหลังในทุกรายการของ ลิเวอร์พูล
1.ชนะ คาร์ดิฟฟ์ 3-1 (เหย้า) เอฟเอคัพ 6 ก.พ.
2.ชนะ เลสเตอร์ 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก 10 ก.พ.
3.ชนะ เบิร์นลีย์ 1-0 (เยือน)พรีเมียร์ลีก 13 ก.พ.
4.ชนะ อินเตอร์ 2-0 แชมเปี้ยนส์ลีก (เยือน) 16 ก.พ.
5.ชนะ นอริช 3-1(เหย้า) พรีเมียร์ลีก 19 ก.พ.
6.ชนะ ลีดส์ 6-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก 23 ก.พ.
7.ชนะ เชลซี ดวลลูกโทษ 11-10 ชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ 27 ก.พ.
8.ชนะ นอริช 2-1 (เหย้า) เอฟเอคัพ 2 มี.ค.
9.ชนะ เวสต์แฮม 1-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก 5 มี.ค.
10.แพ้ อินเตอร์ 1-0 (เหย้า) แชมเปี้ยนส์ลีก 8 มี.ค.
11.ชนะ ไบรท์ตัน 2-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก 12 มี.ค.
12.ชนะ อาร์เซน่อล 2-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก 16 มี.ค.
13.ชนะ ฟอเรสต์ 1-0 (เยือน) เอฟเอคัพ 20 มี.ค.
( ติดตามที่เด็ดจากนักวิเคราะห์ชื่อดัง )
( ติดตามได้ที่เพจ )
( ช่องทางในการติดต่อสอบถาม )
Add friend ที่ @55club